ชอบพาครอบครัวไปเที่ยวพักผ่อนวันหยุด ชมธรรมชาติ ดูสัตว์ป่า ต้องรู้! ข้อควรปฏิบัติและมารยาท เมื่อขับรถในอุทยานหรือศูนย์อนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า

ข้อควรปฏิบัติ และมารยาท เมื่อขับรถเข้าพื้นที่อุทยานหรือศูนย์อนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า

 

อุทยานแห่งชาติหรือศูนย์อนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการไปเที่ยวกับครอบครัว หรือกลุ่มเพื่อน เพราะนอกจากจะได้ชื่นชมธรรมชาติแล้ว ยังได้เห็นสัตว์ป่านานาชนิดอีกด้วย แต่ด้วยความที่อุทยานแห่งชาติหรือศูนย์อนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า เวลาขับรถจึงต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ วันนี้เรามีข้อควรปฏิบัติ และมารยาท เมื่อขับรถเข้าพื้นที่อุทยานหรือศูนย์อนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า รวมถึงการเอาตัวรอดเมื่อมีสัตว์ป่าขวางหน้ารถมาฝาก

 

ข้อควรปฏิบัติและมารยาท เมื่อขับรถในอุทยานหรือศูนย์อนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า

  1.  ขับรถด้วยความเร็วต่ำ ไม่ควรใช้ความเร็วเกิน 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่และเพื่อป้องกันการเฉี่ยวชนสัตว์ป่า
  2.  พยายามใช้เสียงให้น้อยที่สุด งดการใช้แตร หรือส่งเสียงดังรบกวนสัตว์ป่า เพราะจะเป็นการยั่วยุ และดึงดูดให้สัตว์ป่าเข้ามาหา
  3. ไม่ควรลงจากรถเพื่อถ่ายรูป รวมถึงหลีกเลี่ยงการใช้แฟรช เพราะจะทำให้สัตว์ป่าตกใจ
  4.  ห้ามให้อาหารสัตว์ป่า เพราะจะทำให้มันติดนิสัย เคยชินกับการรออาหาร และยังเสี่ยงทำให้เกิดอุบัติเหตุมากขึ้นด้วย
  5.  หากขับรถในอุทยานช่วงกลางคืน ต้องเปิดไปหน้ารถเอาไว้ตลอด จะได้มองเห็นทิศทางของสัตว์ป่า
  6.  หากเกิดเหตุฉุกเฉินต้องรีบแจ้งเจ้าหน้าที่อุทยานทันที 

สัตว์ป่าอันตรายที่จะเจอส่วนใหญ่ จะเป็นช้างป่า เพื่อความปลอดภัยควรสังเกตพฤติกรรม อารมณ์ของช้างด้วย หากช้างสะบัดหูและหางไปมา แปลว่าอารมณ์ดีไม่น่ากังวล แต่ถ้าหูกลาง หางชี้ ยืนนิ่งใช้งวงฟาดกับพื้น แสดงว่าช้างกำลังอารมณ์ไม่ดี ต้องระวัง

 

ขับรถในอุทยาน แล้วเจอสัตว์ป่าขวางต้องทำอย่างไร?

การขับรถในอุทยาน หรือพื้นที่ของศูนย์อนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า มักจะพบเจอปัญหาสัตว์ป่ากีดขวางช่องทางจราจร โดยเฉพาะช่วงกลางคืนเวลาที่สัตว์ป่าส่วนใหญ่จะออกมาหาอาหาร ไม่ว่าจะเป็น ช้างป่า กระทิง กวาง และสัตว์ชนิดอื่นๆ ซึ่งหากเจอสัตว์ขวางหน้ารถควรปฏิบัติติดังนี้ 

  1. ตั้งสติให้ดี อย่าตื่นตระหนก
  2. หยุดรถให้ห่างจากสัตว์ป่าอย่างน้อย 30 เมตร
  3. หากพบว่าสัตว์ป่าเดินเข้าหาตัวรถ ให้ค่อยๆ ขับถอยหลังช้าๆ
  4. หลีกเลี่ยงการบีบแตรเพื่อให้เกิดเสียงดัง เพราะจะทำให้สัตว์ป่าเกิดอาการตกใจ ตื่นตระหนก
  5. หลีกเลี่ยงการใช้แฟลชถ่ายรูป เพราะอาจทำให้สัตว์ป่าตกใจ และเข้ามาทำร้ายได้ 
  6. ห้ามปิดไฟหน้ารถ เพราะจะทำให้ผู้ขับขี่มองไม่เห็นปฏิกิริยาและทิศทางของสัตว์ป่า
  7. เปิดสัญญาณไฟกระพริบเพื่อส่งสัญญาณให้รถคันที่ตามมาป้องกันการเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน

 

ขับรถในพื้นที่อุทยานหรือศูนย์อนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า ค่อนข้างมีความเสี่ยงต่อการเกิดอันตราย เพราะเป็นพื้นที่อาศัยของสัตว์ป่าหลายชนิด ทางที่ดีควรเลี่ยงการขับรถในพื้นที่อุทยานช่วงกลางคืน เพราะเป็นช่วงเวลาที่สัตว์ป่าออกมาหาอาหาร รวมถึงควรปฏิบัติตามข้อกำหนดที่อุทยานระบุไว้อย่างเคร่งครัด ขับรถในอุทยานแห่งชาติควรขับขี่โดยใช้ความเร็วต่ำเพื่อให้สัตว์ป่าไม่เกิดอาการตกใจและลดความเสี่ยงต่อการที่สัตว์ป่าจะเข้ามาทำร้าย เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง บางคนคึกคะนองอยากเห็นสัตว์ป่าจนมองข้ามความปลอดภัยของตัวเอง ซึ่งนั่นถือเป็นพฤติกรรมที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง 

 

ปกติการขับขี่รถยนต์ก็มีความเสี่ยงอยู่แล้ว การขับรถในอุทยานหรือศูนย์อนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่ายิ่งมีความเสี่ยงเข้าไปใหญ่ ดังนั้นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ ประกันรถยนต์ สิ่งที่ช่วยเป็นหลักประกันในทุกๆ การขับขี่ จะขับไปเที่ยวที่ไหนก็อุ่นใจ สนใจทำประกันรถยนต์สามารถเข้าไปที่ www.rabbitcare.com มีประกันรถยนต์ให้เลือกหลายประเภท หลายบริษัท และยังสามารถเปรียบเทียบความคุ้มครองรวมถึงเบี้ยประกันของแต่ละบริษัทได้ด้วย ที่สำคัญยังมาพร้อมสิทธิพิเศษมากมาย ผ่อนสบายๆ ได้ทั้งบัตรเครดิตและเงินสด

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *